แนวโน้มการจัดซื้อและเทคโนโลยีที่สำคัญปี 62

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปี 2561 และก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2562 ซึ่งถึงเวลาที่เราจะเริ่มมองไปข้างหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นใน 12 เดือนข้างหน้า

ปี 2562 ที่กำลังมาถึงเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วโลก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเช่นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์และการเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดของสงครามการค้าโลกและอัตราภาษีศุลกากรมากมายที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อในทุกที่

จากการรวบรวมข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มด้านการจัดซื้อและเทคโนโลยีที่สำคัญที่รอเราอยู่ในปีหน้า คาดการว่าจะมีแนวโน้มที่สำคัญเกิดขึ้น ได้แก่

การจัดการซัพพลายเออร์

เริ่มต้นจากเรื่องเก่าที่ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งคุณอาจจะแย้งว่าการจัดการซัพพลายเออร์ไม่ได้เป็นแนวโน้มใหม่ เราพูดถึงเรื่องนี้กันมาหลายปี ใช่แล้ว  ถ้าเราพูดถึงเรื่องนี้มาหลายปี แต่ทำไมเราถึงไม่ดีขึ้น และเพราะอะไรเรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทีมจัดซื้อจำนวนมากล้มเหลว

ไม่วาคุณจะชอบหรือไม่ ซัพพลายเออร์ของคุณกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความฝันด้านการจัดซื้อของคุณเป็นจริงได้

ในเอกสาร Vision 2020 ที่ไพรส์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์  (PWC) ตีพิมพ์เผยแพร่ระบุว่าร้อยละ 25 ของฟังก์ชั่นการจัดซื้อจะทำมากกว่าการปรับปรุงเพียงเพื่อให้ดีขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานด้านกระบวนการและนโยบายเช่นเดียวกัน ซึ่งรวมถึงวิธีที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และมีการขยับโฟกัสจากต้นทุนและมูลค่าไปเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

ผลลัพธ์เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากการจัดการความสัมพันธ์กับซัพพลายเอรร์ที่ดีขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมจากซัพพลายเออร์ (ซึ่งดูเป็นพันธมิตรมากกว่าผู้ค้าที่คอยสูบเงิน) และการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาของเราที่เราไม่รู้

หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ก็คือการสื่อสาร  เลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมและพูดคุยกับพวกเขามากขึ้น คุณก็อาจจะเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่คุณยังไม่รู้ก็ได้

บล็อกเชน และการปรับใช้ระบบดิจิทัล

ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ปิดหูปิดในเรื่องของเทคโนโลยีก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบล็อกเชนกันมาแล้ว

จากบทความบล็อกไปจนถึงการสัมมนาทางเว็บ นี่ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในฝ่ายจัดซื้อขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะยังคงมีการพูดถึงตลอดปี 2562  บล็อกเชนเป็นและจะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน การแบ่งปัน และส่งผ่านข้อมูลจะง่ายและปลอดภัยขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยีช่วยให้ “บันทึกประจำตัวที่ลงนามและประทับตราเวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลง การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน การทำธุรกรรมหรือภาระผูกพันในสัญญา”

ความโปร่งใสนี้จะให้ทั้งประโยชน์ และข้อเสียบางอย่างในการจัดซื้อ และผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อสามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้นในสภาพแวดล้อมสาธารณะ  ฝ่ายจัดซื้อจะจะมีอำนาจมากขึ้นและมีโอกาสมากขึ้นในการโต้ตอบกับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก แต่ในขณะเดียวกันกระบวนการและการจัดซื้อขององค์กรก็จะถูกเปิดเผยในสภาพแวดล้อมสาธารณะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สอดคล้องกับบล็อกเชนที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้น มีการคาดการว่าจะมีการปรับใช้ระบบดิจิทัลและใช้คลาวด์เพิ่มขึ้น การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2563 จะมีการใช้งานด้านไอทีเกี่ยวกับการย้ายไปใช้คลาวด์สูงถึงราว 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเนื่องจากองค์กรต่างๆ ต้องการให้บริการด้านไอทีของตนมีความคล่องตัวมากขึ้น

ค่านิยมทางสังคม

ปี 2562 จะเป็นปีที่มีการเอาจริงเอาจังในเรื่องค่านิยมทางสังคมและความยั่งยืน องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักว่าต้นทุนและคุณภาพเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมเท่านั้น ซึ่งไม่เพียง แต่พวกเขาต้องทำสิ่งต่างๆ ให้กับชุมชนมากขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขาต้องปฏิบัติตามด้วย

ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางกับห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย การใช้วิธีปฏิบัติในการทำงานและการเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนจะกลายเป็นบรรทัดฐานและฝ่ายจัดซื้อจะไม่สามารถทำสัญญาด้วยเรื่องของต้นทุนโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่กว้างขึ้นได้อีกต่อไป

พนักงานรุ่นใหม่กับระบบอัตโนมัติ

เมื่อไม่นานมานี้คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับความน่ากลัวของระบบอัตโนมัติ การเรียนรู้ของเครื่อง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) กันมาบ้าง ใช่แล้ว AI จะเข้ามาทำงานแทน และผู้คนอาจจะต้องก้าวไปสู่บทบาทใหม่ๆ แต่ไม่ใช่อนาคตที่เราควรจะเก็บมาหมกมุ่นไว้ในหัว แม้ว่ามันจะมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติของมนุษย์ที่มักกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ายจัดซื้อเสริมความแข็งแกร่งและกล้าที่จะพัฒนาและอยู่รอด

อินโฟซิสคาดการณ์ว่าในปี 2562 ระบบ AI และระบบจัดซื้ออัตโนมัติจะช่วยลดการใช้จ่ายด้านระบบดิจิทัลที่ต้องพึ่งพาการทำงานของมนุษย์ลงได้ถึงร้อยละ 15  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ฝ่ายจัดซื้อจำเป็นต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนา ฝึก และรักษาพนักงานรุ่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของบทบาทใหม่ที่ปฏิสัมพันธ์กับการป้อนข้อมูลของมนุษย์ซึ่งยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

ความเสี่ยง

จาก Brexit ไปจนถึงสงครามการค้าความเสี่ยงอาจเป็นแนวโน้มที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจโดยรวมในปี 2562 องค์กรที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสถียรนี้ต้องเป็นองค์กรที่เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ดีที่สุด

ดีลอยท์เชื่อว่าฝ่ายจัดซื้อจะกลายเป็นตัวพยากรณ์ความเสี่ยงในองค์กร  การเพิ่มรายละเอียดของฟังก์ชันเนื่องจากเป็นปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนของความเสี่ยงและการลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานลงในสัญญาและการประมูล

ความเสี่ยงจะเกิดขึ้นตลอดแนวโน้มอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น Brexit, การปกป้อง และสงครามการค้าทำให้การจัดการซัพพลายเออร์และห่วงโซ่อุปทานมีความสำคัญมากขึ้น ความต้องการด้านการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

ฝ่ายจัดซื้อจึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับมือกับความเสี่ยงทั้งหมดเหล่านี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องยกมือขึ้นแล้วก้าวออกมาอยู่แถวหน้า หรือต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังและถูกมองข้ามไปในยามที่มีบทบาทสำคัญมาให้เล่น