วิธีควบคุมพลัง ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่เพียง แต่เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่เป็นทรัพย์สินทางธุรกิจที่มีค่าสำหรับผู้ประกอบการทุกราย AI กำลังมีความคืบหน้าในหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การลำดับอีเมลตามพฤติกรรมและการเลือกรับป๊อปอัพไปจนถึงการใช้บอทในการรับ-ส่งข้อความอย่างชาญฉลาด และแม้กระทั่งการวิเคราะห์ความพึงพอใจของพนักงานภายใน

คุณสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มการรักษาลูกค้า ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้า (NPS)  อัตราการปิดการขาย และโอกาสในการขายให้กับว่าที่ลูกค้าที่มีคุณสมบัติได้ล่วงหน้า เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่า AI จะอยู่ที่จุดไหนในอีกหนึ่งหรือสองทศวรรษข้างหน้า แต่มันมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานประจำวันของธุรกิจต่างๆ เป็นจำนวนมาก มันสามารถมีบทบาทที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณได้เช่นกันทั้งในปัจจุบันและอนาคต ต่อไปนี้คือ 4 วิธีในการนำเอา AI ไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจ 

  1. วิเคราะห์อารมณ์

Annette Zimmermann กล่าวไว้เมื่อปี 2561 ว่า “ภายในปี 2565 อุปกรณ์ส่วนตัวของคุณจะรู้จักอารมณ์ของคุณมากกว่าคนในครอบครัวของคุณเสียอีก”

Emotion AI หรือที่เรียกว่าระบบประมวลผลด้านอารมณ์คือความสามารถของ AI ในการตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์และตอบสนองต่ออารมณ์เหล่านั้นได้ ซึ่งแม้มันจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เทคโนโลยีนี้กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในการศึกษาหนึ่งของมหาวิทยาลัยโอไฮโออ้างว่า ตอนนี้ AI สามารถตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่ามนุษย์ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งเมื่อเทียบกับวิวัฒนาทางด้านนี้ของเราที่ต้องใช้เวลาหลายล้านปี

บอทอัจฉริยะทางด้านอารมณ์เหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจของคุณ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้มีธุรกิจสตาร์ทที่เริ่มต้นจากเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

ลองนึกภาพความสามารถในการรวบรวมอารมณ์ของผู้ดูที่ดูวิดีโอออนไลน์หรือใช้ลำดับการขายทางอีเมล์ บอทรับ-ส่งข้อควา มและแม้แต่ตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้าทางโทรศัพท์ที่ปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติตามอารมณ์ของผู้ใช้  สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณได้มากแค่ไหน

จากการศึกษาที่ทำการวิเคราะห์กรณีศึกษา 1,400 กรณีของแคมเปญโฆษณายอดนิยมในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาพบว่าโฆษณาที่กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์นั้นสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างงดงาม

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณสามารถกระตุ้นอารมณ์ที่ถูกต้องได้ในเวลาที่เหมาะสม

  1. สนับสนุนลูกค้า

บางทีความมีประสิทธิภาพอาจไม่มีความสำคัญมากกว่าการสนับสนุนลูกค้า  ในสถานการณ์ที่ผู้คนต้องการคำตอบและต้องการได้ทันที ในขณะที่การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มีความต้องการเหล่านั้นอาจสามารถสร้างรายได้ทางธุรกิจในภายหลัง

จากรายงานของ Temkin พบว่าการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าสามารถเพิ่มรายได้ได้อย่างมหาศาล โดยรายงานการการศึกษาระบุว่า “การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่าดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้ามีความสัมพันธ์อย่างมากกับความเต็มใจของลูกค้าในการจ่ายเงินให้กับผู้ขายเทคโนโลยีมากขึ้น การทดลองใช้สินค้า และบริการใหม่ของพวกเขา ให้อภัยพวกเขาหลังจากได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี และทำให้พวกเขากลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้”

หลายๆ บริษัท อย่างช่น Forethought ซึ่งเป็นผู้นำในการนำเอา AI ไปใช้ในการให้บริการสนับสนุนสินค้าหลักด้วยเครื่องมือในการตอบคำถามอย่าง Agatha Answers ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นโซลูชันระดับองค์กรแบบ plug-in ที่ใช้เวลาติดตั้งเพียงสองวันและสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนลูกค้าได้มากขึ้นถึงร้อยละ 30  Agatha ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และทำให้  Forethought ได้รับรางวัลชนะเลิศในงาน  2018 TechCrunch Disrupt Battlefield

“Agatha Answers ช่วยให้คำตอบในการสนับสนุนลูกค้า ลดเวลาในการแก้ไข และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ ” Deon Nicholas ผู้ก่อตั้ง Forethought กล่าวระหว่างการแข่งขัน TC “Forethought ใช้ AI เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาชีพ”

จากรายงานของ Business Insider ที่พบว่ามีชาวอเมริกันถึงร้อยละ  33 ที่อ้างว่าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีนักจากการให้บริการลูกค้า ซึ่งเท่านี้ก็มีแรงจูงใจที่จะทำให้ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการบริการลูกค้าในอนาคต

  1. เพิ่มการขายและการสร้างโอกาสในการขาย

AI กำลังสร้างรายรับและการสร้างโอกาสในการขายแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ยกตัวอย่างเช่น รายงานจาก Harvard Business Review พบว่าธุรกิจที่ใช้ AI สามารถลดเวลาในการโทรได้มากถึงร้อยละ 70 และเพิ่มจำนวนว่าที่ลูกค้าได้ถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้แหล่งข่าวรายหนึ่งเชื่อว่า ร้อยละ 85 ของงานที่เกี่ยวข้องกับการขายสามารถเอาต์ซอร์ซให้หุ่นยนต์ทำได้ในปี 2563

ยกตัวอย่างเช่น LeadFuze ที่เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ปรับปรุงการขาย การหากลุ่มลูกค้า และว่าที่ลูกค้าที่เหมาะสมที่ทำงานด้วย AI รวมถึงเป็นซอฟต์แวร์เครื่องมือสร้างโอกาสในการขายตัวแรกที่ผสมผสานการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้หลายแหล่งในขณะที่ให้การเข้าถึงได้ไม่จำกัด และการสร้างรายการว่าที่ลูกค้าที่สมบูรณ์ให้ได้โดยอัตโนมัติ

ด้วยเครื่องมือตัวนี้จะช่วยทำให้เราใช้เวลาน้อยลงในการวิจัยลูกค้าที่คาดหวังและรวบรวมรายชื่อผู้ติดต่อ ในขณะที่มีเวลาพูดคุยเรื่องการขายแบบจริงจังมากขึ้น ธุรกิจที่มุ่งเน้นข้อมูลเชิงลึกอย่าง LeadFuze คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายในปี 2563 และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ดีที่จะทำให้ธุรกิจต่างๆ ได้ประโยชน์จากระบบสร้างลูกค้าเป้าหมายโดยอัตโนมัติที่ชาญฉลาดนี้

  1. เลือกบุคลากรได้อย่างชาญฉลาด

การสรรหาบุคลากรที่มีความเหมาะสมสำหรับองค์กรของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าผิดหวัง เสิร์ชเอนจิ้นหางานออนไลน์น์จำนวนมากอย่างเช่น Indeed หรือ Monster สามารถช่วยหาผู้สมัครที่คุณต้องการได้ แต่หลายๆ ครั้งการแยกผู้สมัครที่มีศักยภาพหลายพันคนเป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก โชคดีที่ผลิตภัณฑ์ AI สามารถช่วยได้

จากการสำรวจของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดใหญ่ 1,000 รายของ Eightfold  พบว่าร้อยละ 78 ของธุรกิจที่ได้รับการสำรวจระบุว่าโครงการสรรหาบุคลากรทีมีพรสวรรค์เป็นงานที่ “สำคัญมาก” แต่มีเพียงร้อยละ 44 เท่านั้นที่บอกว่าประสบความสำเร็จในการหาบุคลากรที่ต้องการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลายองค์กรยังคงต้องมีการปรับปรุงในเรื่องนี้ ซึ่งโซลูชั่น AI ของ Eightfold มีจุดประสงค์ในการเข้ามาให้บริการในส่วนนี้

แพลตฟอร์มที่เรียกว่า “Talent Intelligence” เป็นผลิตภัณฑ์ AI ของ Eightfold ที่จะเข้ามาช่วยในการสรรหาบุคลากรผู้มีพรสวรรค์โดยการลดเวลาในการสัมภาษณ์ผู้สมัคร รวบรวมรายชื่อผู้สมัครที่เกี่ยวข้องกำจัดอคติในการคัดเลือกผู้สมัคร และดึงดูดความสนใจด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันภายในได้อย่างคล่องตัว  มุมมองข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกเชื่อมต่อกันบนอินเตอร์เฟซเดียวทำให้สามารถจัดการกระบวนการสรรหาบุคลากรผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดได้มากขึ้น

ท้ายที่สุดยิ่งคุณหาคนที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณเร็วขึ้นและง่ายขึ้น ธุรกิจของคุณก็จะยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น