ผลการสำรวจในหัวข้อ “Connectivity Benchmark” ของ MuleSoft พบว่าร้อยละ 97 ของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีมีส่วนร่วมในการริเริ่มการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลในองค์กรของตน การวิจัยยังระบุถึงแนวโน้มการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลที่สำคัญที่สุดในปี 2020 และต่อๆ ไป ซึ่งจะส่งผลกระทบ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่างๆ
ตามการสำรวจ Connectivity Benchmark ของ MuleSoft พบว่าการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจดิจิทัลทั้งหมดจะต้องเริ่มต้นและจบลงด้วยการคำนึงถึงการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร ซึ่งประกอบด้วยพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชนที่เราให้บริการ ซีไอโอเกือบทุกรายต่างเอาจริงเอาจังกับการเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล
ร้อยละเก้าสิบเจ็ดของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีได้รับมอบหมายโดยใช้การผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำให้กระบวนการที่ล้าหลังมีความทันสมัย และเพื่อระบุและใช้โอกาสจากนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจใหม่ ผู้นำด้านไอทีเหล่านี้จะมีวิธีกำหนดขอบเขตการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อะไรคือแรงผลักดันทางธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังการลงทุน อะไรคือผลประโยชน์ทางธุรกิจของการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว?
ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวโน้ม 7 ท่านได้พยากรณ์แนวโน้มในปี 2020 โดยใช้ข้อมูลจากผู้นำด้านไอทีทั่วโลกกว่า 850 ราย ผู้บริโภค 9,000 ราย และการค้นพบโดยพันธมิตรรายอื่นๆ การวิจัยระบุกรณีศึกษาของแต่ละแนวโน้มที่เน้นว่าซีไอโอขององค์กรชั้นนำระดับโลกกำลังเริ่มต้น หรืออยู่ท่ามกลางแนวโน้มเหล่านี้แล้ว
นี่คือบทสรุปแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล 7 อันดับแรกที่จะเกิดขึ้นในปี 2020
เชื่อมต่อประสบการณ์ของผู้บริโภค
องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มแรงกดดันฝ่ายไอทีให้เพิ่มแบนด์วิดท์เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีความเป็นส่วนตัว และเชื่อมโยงถึงกันให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่ลูกค้าไปจนถึงคู่ค้า พนักงาน และนักพัฒนา
จำนวนแอพพลิเคชันเฉลี่ยที่ใช้ในแต่ละองค์กรคือ 900 แอพ ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับองค์กรที่จะส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดหวังว่าการเดินทางที่สอดคล้องกันในหลายๆ ช่องทาง ได้แก่ บริการส่งข้อความและพอร์ทัลบริการมือถือ ลูกค้า Omni-channel ใช้จ่ายทางออนไลน์มากกว่าลูกค้าช่องทางเดียวถึงร้อยละ 10 ประสบการณ์ที่เชื่อมต่อหมายถึงการขจัดความเสียดทานในการเดินทางของลูกค้าและสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา ลูกค้ายังคาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ผู้บริโภคร้อยละเจ็ดสิบสี่คิดว่าองค์กรต่างๆ ควรเข้าใจความคาดหวังและความต้องการของพวกเขา
ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
การปลดล็อคและวิเคราะห์ข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล ธุรกิจต่างๆ นำข้อมูลของพวกเขาไปใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ปรับปรุงการดำเนินงานและเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว
ร้อยละแปดสิบสามของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีเผยว่าข้อมูลแบบไซโลสร้างความท้าทายทางธุรกิจในองค์กรของพวกเขา การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทำลายข้อมูลแบบไซโลมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับผลการดำเนินงานขององค์กร ร้อยละหกสิบแปดขององค์กรที่ดำเนินกิจการที่ดีที่สุดรายงานว่ากำลังทำงานเพื่อขจัดข้อมูลแบบไซโลและแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก
องค์กรต่างๆ กำลังใช้ข้อมูในการปรับปรุงการบริการลูกค้า การดำเนินงาน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น การขจัดแรงเสียดทานและการเคลื่อนไหวของทรัพยากรที่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากวิธีที่องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับองค์กรล่วงหน้า
ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
องค์กรต่างๆ กำลังเพิ่มการลงทุนในความสามารถของ AI เพื่อเร่งและปรับแต่งการบริการลูกค้า ลดความลำเอียงของมนุษย์ และเพิ่มผลผลิต พวกเขากำลังเรียนรู้ว่าคุณค่าของ AI และเครื่องมือการเรียนรู้ของเครื่อง ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่ระบบ
การวิจัยคาดการณ์จะมีการนำ AI ไปใช้งานเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 โดย AI ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่มีความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ลดอคติของมนุษย์และทำงานโดยอัตโนมัติ
การเรียนรู้ของเครื่อง (ML) การทำงานอัตโนมัติขั้นพื้นฐาน และตัวแทนเสมือน / แชทบอทเป็นกรณีที่ใช้กันมากที่สุดของ AI ร้อยละยี่สิบห้าของงานด้านการบริการลูกค้าจะใช้ผู้ช่วยลูกค้าเสมือนจริงภายในปี 2020
การวิจัยยังเน้นการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัด หุ่นยนต์หยิบและวางคลังสินค้า และโดรน ในบริการด้านการเงิน AI ถูกนำไปใช้ในการตรวจจับการฉ้อโกง บริการด้านการลงทุน และกระบวนการอนุมัติสินเชื่ออัตโนมัติที่ระบุไว้ในแบบจำลองการดำเนินงานขององค์กร โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก AI ถูกนำไปใช้สำหรับสร้างข้อเสนอและโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล ร้อยละห้าสิบสามของผู้บริโภคยินดีที่จะยอมให้ผู้ค้าปลีกติดตามพฤติกรรมการซื้อของพวกเขาทั้งภายในและภายนอกร้านถ้ามันหมายความว่าพวกเขาจะได้รับข้อเสนอและโปรโมชั่นส่วนบุคคล
เพื่อเพิ่มคุณค่าของ AI และการเรียนรู้ของเครื่องให้เกิดประโยชน์สูงสุด การวิจัยชี้ให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ควรเริ่มต้นด้วยการกำกับดูแลข้อมูล เริ่มต้นด้วยการถามคำถาม 5 ข้อต่อไปนี้:
- ชุดข้อมูลที่มีค่ามากที่สุด 5 ชุดแรกของคุณคืออะไร
- คุณค่าถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร
- คุณมี API หรือไม่
- คุณภาพข้อมูลของคุณเป็นอย่างไร
- ใครมีส่วนร่วมในข้อมูลบ้างและมีติดตามข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร
การประมวลผลแบบหลายคลาวด์
ปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบหลายคลาวด์ แต่การจัดการคลาวด์หลายแบบนั้นมีความซับซ้อนโดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงการเคลื่อนย้ายปริมาณงานของแอพพลิเคชันระหว่างสภาพแวดล้อมของคลาวด์หลายแบบ การพัฒนาแอพพลิเคชันที่นำโดย API และการบรรจุเป็นโซลูชันที่เป็นไปได้สองทางสำหรับปัญหานี้
ร้อยละแปดสิบสี่ขององค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คนมีการใช้คลาวด์หลายแบบ ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของการใช้คลาวด์หลายแบบก็คือความซับซ้อน การจัดการแอพ และการจัดการต้นทุน องค์กรต่างๆ พยายามที่จะย้ายปริมาณงานของแอพพลิเคชันระหว่างคลาวด์ การวิจัยชี้ให้เห็นว่า AP I ช่วยปลดล็อกข้อมูลและฟังก์ชั่นการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของแอพพลิเคชันที่อยู่ในสภาพแวดล้อมของคลาวด์หลายแบบ การวิจัยยังประเมินการเติบโตร้อยละ 165 ในอีก 18 เดือนข้างหน้าสำหรับ บริษัทที่ทำงานบนสภาพแวดล้อมเหล่านี้โดยใช้แอพพลิเคชันที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน คอนเทนเนอร์เป็นหน่วยมาตรฐานของซอฟต์แวร์ที่จัดทำโค้ดและการอ้างอิงทั้งหมดเพื่อให้แอปพลิเคชันทำงานได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้จากสภาพแวดล้อมการประมวลผลหนึ่งไปยังอีกสภาพแวดล้อมหนึ่ง
ร่วมมือกับฝ่ายไอทีเพื่อเร่งการดำเนินธุรกิจ
เพื่อเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีอย่างเต็มประสิทธิภาพ องค์กรต่างๆ กำลังวางตำแหน่งฝ่ายไอทีให้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ
ฝ่ายไอทีมีแรงกดดันมากขึ้นเพื่อส่งมอบระบบที่มากขึ้นและเร็วขึ้น ทุกคนจะต้องดำเนินงานในฐานะบริษัทเทคโนโลยีโดยใช้ประโยชน์จากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีใหม่และเทคโนโลยีเกิดใหม่เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้มีส่วนได้เสีย นั่นหมายความว่าฝ่ายไอทีจะต้องมีความคล่องตัว รวดเร็ว และมีนวัตกรรม
ในขณะที่องค์กรลงทุนในเทคโนโลยีแบบกระจายและแบบเกิดใหม่เพิ่มขึ้น นี่คือการลงทุนด้านเทคโนโลยีอันดับต้นๆ ของปี 2019
ธุรกิจเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 92) รายงานว่าการรวมเข้าด้วยกันนั้นจำเป็นต้องครอบคลุมมากกว่าด้านไอที การวิจัยแสดงให้เห็นว่าฝ่ายไอทีไม่สามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อีกต่อไป ร้อยละสามสิบหกของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีสามารถเติมเต็มโครงการทั้งหมดตามที่ร้องขอได้ในปี 2019 แผนกไอทีขององค์กร 7 จาก 10 แห่งยังคงเดินหน้าต่อไป
ร่วมสร้างคุณค่ากับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
ธุรกิจที่ดีที่สุดกำลังสร้างการผูกขาดธุรกิจโดยการสร้างระบบนิเวศของการทำงานร่วมกันของคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียภายนอก การวิจัยแสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศดิจิทัลกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และองค์กรต่างๆ สามารถรวมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เข้ากับประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างของการสร้างคุณค่าร่วมกันถูกเน้นด้วยโอเพ่นซอร์ส แพลตฟอร์มและการรวมข้อมูลกับการใช้งานเฉพาะด้านจาก Apple, Mastercard และ Plaid สิ่งสำคัญก็คือ API แบบเปิดที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างมูลค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกได้
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจด้วย API
ธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จาก APIs กำลังประสบกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นการเติบโตของรายได้และโอกาสในการสร้างนวัตกรรม ร้อยละเก้าสิบเอ็ดขององค์กรที่เป็นเจ้าของ API สาธารณะและ / หรือส่วนตัวกำลังประสบกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ API ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถคิดค้นนวัตกรรมได้เร็วขึ้นและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
การวิจัยเตือนเราว่ายิ่งกลยุทธ์ API มีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ก็ให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจท่กยิ่งขึ้น บางองค์กรทำธุรกิจเร็ขึ้นเป็นสองเท่าจากการนำ API มาใช้งานซ้ำ กรณีการใช้งานของลูกค้าหลายรายถูกเน้นว่ามีการปรับปรุงที่สำคัญในเรื่องของความเร็วในการส่งมอบระบบไอที การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เร็วขึ้น และการเพิ่มขึ้นของยอดขายตามการจัดการ API และเทคนิคการปรับให้เหมาะสม
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล 7 อันดับแรกที่จะเกิดขึ้นในปี 2020 จากการรายงานของ MuleSoft (บริษัท Salesforce) นั้นค่อนข้างครอบคลุม โดยมีกรณีการใช้งานของลูกค้าจำนวนมากและการคาดการณ์การยอมรับเทคโนโลยีในปี 2020 เป็นต้นไป การค้นพบในรายงานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในการส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อแก่ลูกค้า องค์กรต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญกับการปลูกฝังวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนเกม เทคโนโลยีก่อกวน เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง AI และสภาพแวดล้อมแบบหลายคลาวด์ในการเร่ง และขยายการสร้างคุณค่าร่วมกันภายในระบบนิเวศของพวกเขาโดยการร่วมมือกับฝ่ายไอทีอย่างจริงจัง เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังอันยอดเยี่ยมของเครือข่ายแอพพลิเคชัน